โรคมะเร็งคืออะไร มีแนวทางการป้องกันและรักษาอย่างไร

โรคมะเร็งคืออะไร มีแนวทางการป้องกันและรักษาอย่างไร

มะเร็งเป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ในร่างกายแบ่งตัวอย่าง ไม่สามารถควบคุมได้และก่อตัวเป็นเนื้องอก มะเร็งมีหลายประเภท และวิธีการรักษาและการป้องกันที่เฉพาะเจาะจงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและระยะของมะเร็ง

วิธีการรักษามะเร็ง อาจรวมถึงการผ่าตัด การฉายรังสี เคมีบำบัด ภูมิคุ้มกันบำบัด การรักษาแบบมุ่งเป้า และการรักษาด้วยฮอร์โมน ประเภทของการรักษาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง และปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ เช่น สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยและประวัติทางการแพทย์

การป้องกันมะเร็ง ทำได้หลายวิธี ได้แก่

  1. การรักษาวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ การรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการบริโภคยาสูบและแอลกอฮอล์มากเกินไปสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลายชนิดได้
  2. เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำ การตรวจคัดกรองสามารถช่วยให้ตรวจพบมะเร็งได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อสามารถรักษาได้ดีที่สุด
  3. การปกป้องผิวของคุณ การสวมชุดป้องกันและใช้ครีมกันแดดสามารถช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังได้
  4. การฉีดวัคซีน วัคซีนบางชนิด เช่น วัคซีน HPV สามารถช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตราย การจำกัดการสัมผัสกับสารพิษในสิ่งแวดล้อมและสารเคมีในที่ทำงานสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิดได้

ไม่ใช่ทุกกรณีของโรคมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ แต่การทำตามขั้นตอนเพื่อลดความเสี่ยงสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับการป้องกันหรือการรักษามะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

Continue Reading

การนั่งสมาธิคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

การนั่งสมาธิคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

การทำสมาธิสามารถปฏิบัติได้กับคนทุกวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม วิธีการและเทคนิคที่ใช้ในการทำสมาธิอาจแตกต่างกันไปตามอายุของผู้ปฏิบัติ ตัวอย่างเช่น เด็กอาจได้รับประโยชน์จากแบบฝึกหัดการสร้างภาพข้อมูลที่เรียบง่ายและมีการโต้ตอบ ในขณะที่ผู้ใหญ่อาจพบว่าเทคนิคการทำสมาธิที่ซับซ้อนและครุ่นคิดเหมาะสมกว่า

นอกจากนี้ การทำสมาธิยังแสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตและร่างกายมากมาย เช่น การลดความเครียด เพิ่มสมาธิและสมาธิ และทำให้อารมณ์ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับบุคคลทุกวัยที่ต้องการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เป็นความคิดที่ดีเสมอที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตก่อนที่จะเริ่มการดูแลตนเองในรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการทำสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้วหรือกำลังใช้ยาอยู่

การทำสมาธิเป็นการฝึกจิตที่ใช้กันมานานนับพันปีในหลายวัฒนธรรมและประเพณี เพื่อให้จิตใจสงบและส่งเสริมการผ่อนคลาย โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการมุ่งความสนใจไปที่วัตถุ เสียง ภาพ หรือลมหายใจ และสามารถทำได้ในท่านั่งหรือขณะเดิน

ในแง่ของประโยชน์ การทำสมาธิได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์หลายประการสำหรับสุขภาพกายและสุขภาพจิต ตัวอย่างเช่น มีการแสดงให้:

  • ลดความเครียดและความวิตกกังวล
  • ปรับปรุงอารมณ์
  • เพิ่มความรู้สึกของความสุขและความเป็นอยู่ที่ดี
  • เพิ่มความตระหนักในตนเอง
  • ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ
  • ลดความดันโลหิต
  • เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สนับสนุนประโยชน์ของการทำสมาธิ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าผลลัพธ์ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป และการทำสมาธินั้นไม่สามารถทดแทนการรักษาทางการแพทย์หรือการบำบัดได้ หากคุณสนใจที่จะลองทำสมาธิ มีแหล่งข้อมูลมากมายที่พร้อมให้ใช้งาน รวมถึงแอปแนะนำการทำสมาธิและการฝึกสติ ที่สามารถช่วยคุณเริ่มต้นได้

Continue Reading

แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา (Apple cider vinegar) มีประโยชน์มากล้น

แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา (Apple cider vinegar) มีประโยชน์มากล้น

ในยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งสุขภาพ หลายคนต่างหันมารักสุขภาพ และใส่ใจสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นการเลือกทานอาหารที่ดี การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การทานอาหารเสริม เป็นต้น แล้วเคยได้ยินกันไหมว่า การเลือกดื่มน้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ลหมักที่เรียกกันทั่วไปว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา (Apple cider vinegar) ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ACV มีประโยชน์มากล้น  เราจะมาทำความรู้จัก แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกาให้มากยิ่งขึ้น

แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา (Apple cider vinegar) ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ACV คือน้ำส้มสวายชูหมักจากแอปเปิ้ล นำมาหมักกับยีนทำให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ แล้วนำแบคทีเรียเติมเข้าไปเพื่อให้เกิดปฏิกริยา และกลายเป็นกรดอะซิตกแอคซิค แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา ทำให้เกิดการเป็นกรดสูงและมีรสชาติที่เปรี้ยว และมีกลิ่นเหม็น สีน้ำจะเป็นสีส้ม มีแบบตะก่อนและแบบไม่มีตะกอน มีโพแทสเซี่ยมสูง ที่ช่วยในการแบ่งเซลล์ อีทั้งยังมีฮาตุอาหารมากกว่า 30 ชนิต และมีวิตามินมากว่า 6 ชนิด มีกรดอะมิโน สารเพ็คติน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีคุณสมบัติบัติเป็นยาปฏิชีวนะ ยาช่วยละลายแบคทีเรีย ยาฆ่าเชื้อ และมีเอนไซม์หลายชนิดรวมอยู่

แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา (Apple cider vinegar) ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ACV  นั้นเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของประเทศอเมริกา โดยใช้ผมกับน้ำดื่ม ที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญและการย่อยอาหารนั้นทำงานดียิ่งขึ้น ซึ่งแอปเปิ้ลไซเดอร์ นั้นมีแบบชนิดน้ำและอัดเม็ด แต่ที่ได้รับความนิยมกันมากก็คือชนิดน้ำ

ประโยชน์ของ แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวนิกา มีอะไรบ้างลองมาอ่านกันเลย

  1. ช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหารและการเผาผลาญได้ดี เนื่องจาก Apple cider vinegar เป็นน้ำแอปเปิ้ลหมัก มีความเป็นกรดสูง ทำให้เกิดปฏิกิริยากับโปรตีนและระบบช่วยย่อยได้ดี สามารถช่วยทำลายแบคทีเรียไม่ดี ที่เป็นสาเหตุของการเกิดท้องเสียท้องผูกนั่นเอง อีกทั้งยังช่วยอาการแน่นท้องอีกด้วย
  2. ช่วยลดความหิว ลดความอยากอาหาร ช่วยให้ลดระดับการหลังออร์โมนอินซูลินในเลือด เมื่ออินซูลินหลั่งน้อย ทำให้ลดการอยากอาหาร เป็นการลดความอ้วน ลดน้ำหนักทางอ้อมนั่นเอง
  3. ช่วยแก้อาการเป็นหวัด ไซนัส ลดเสมหะ อีกทั้งช่วยระบบทางเดินหายใจ Apple cider vinegar สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สามารถนำมากลั้วคอ แล้วบ้วนทิ้ง ที่สำคัญห้ามกลื่นลงไปเด็ดขาด ต้องกลั้วคอด้วย หรือทำการเอา Apple cider vinegar ผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว จะช่วยบรรเทาอาการเป็นหวัดได้ดี
  4. ลดการเป็นเบาหวาน เพราะว่าใน Apple cider vinegar สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ลดการหลังอินซูลิน ทำให้ระบบการเผาผลาญ ระบบการช่วยย่อยในร่างกายนั้นดีขึ้น กรดยับยั้งเอ็นไซม์ที่ย่อยคาร์โบรไฮเดรตเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลอย่างช้า ๆ ทำให้ดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้น้อย
  5.  รักษาสิว Apple cider vinegar ช่วยรักษาสิวได้ดี สามารถนำไปทาหน้าด้วยการผสมกับน้ำ แล้วนำไปเช็ดหน้าแทนโทนเนอร์ได้อีกด้วย ทำให้หน้าสะอาดและใสมากยิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการดื่ม แอปเปิ้ลไซเดอร์ ห้ามดื่มเพียวเด็ดขาด จะต้องละลายในน้ำ 500 Ml. และใส่แอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชาเท่านั้น ใน 1วัน ไม่ควรดื่มเกิน 2 ช้อนชา โดยเวลาที่เหมาะสมคือการดื่มในตอนเช้า 1 ครั้ง และตอนเย็น หรือก่อนนอน 1 ครั้งเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องดื่มทุกวัน เพราะว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นน้ำส้มสายชูหมัก มีฤทธิ์เป็นกรด อาจจะกัดฟัน ทำให้ฟันบาง ดังนั้นการดื่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ จำเป็นที่จะต้องใช้หลอดดูดเท่านั้น

จากการที่ผู้เขียนได้ดื่มด้วยตนเองติดต่อกันเป็นเวลา 1 อาทิตย์ ทำให้การขับถ่ายนั้นดีขึ้น นอนหลับง่ายขึ้น แต่ระยะยาวจะเป็นอย่างไรจะมาเล่าให้ฟังกันอีก ติดตามกันด้วยนะคะ

 

Continue Reading

ข้อดีของการเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ด (Surf Skateboard)

ข้อดีของการเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ด (Surf Skateboard)

ต้องบอกว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ กีฬาเซิร์ฟสเก็ตบอร์ด (Surf Skateboard) กำลังเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในการเล่นเป็นอย่างมากในหมู่ดาราวัยรุ่น เป็นกีฬา Extreme ที่เล่นแล้วไม่น่าเบื่อ ได้เหงื่อได้ความแข็งแรง สุขภาพดีทั้งกายและใจ ารเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ด เป็นเสมือนการเล่นเซิร์ฟบอร์ดบนคลื่นทะเล เหมือนเล่นโต้คลื่น ใช้แรงขา เอา ลำตัว สร้างแรงเหวี่ยงและความเร็วเพื่อให้เซิร์ฟสเก็ตบอร์ดสามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่เล่นแล้วไม่น่าเบื่อ เล่นได้นานได้เหงื่อและออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย ซึ่งข้อดีของการเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ด นั้นมีอะไรบ้างเราลองมาอ่านกันต่อเลย

1. ช่วยให้กล้ามเนื้อร่างกายแข็งแรง เพราะว่าการเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดนั้น ใช้กล้ามเนื้อเป็นแรงในการเหวี่ยงให้เซิร์ฟสเก็ตบอร์ดนั้นเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ เป็นเป็นการออกกำลังแบบคาร์ดิโอผสมเวตเทรนนิ่งไปในตัว

2. ช่วยในเรื่องของการทรงตัว เพราะว่ากีฬาเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดนั้นใช้ร่างกายในการทรงตัว ช่วยให้ร่างกายเรียนรู้ทักษะในการทรงตัวสร้างความสมดุลในร่างกาย

3. ช่วยลดความอ้วน และช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักเพราะว่าการเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดนั้น เบิร์นและเผาผลาญพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม เฉลี่ยเล่นประมาณ 1 ชั่วโมงเผาผลาญพลังงานได้ถึง 300 กิโลแคลอรี

4. ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่ซึมเศร้า ไม่วิตกกังวล กีฬาเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดเป็นกีฬาที่ไม่น่าเบื่อได้ความสนุกและความแข็งแรง

5. สร้างสติและสมาธิได้เป็นอย่างดี เพราะว่าการเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดนั้น จะต้องใจจดใจจ่ออยู่กับบอร์ดของเราและถนนที่เรากำลังเล่นอยู่ โฟกัสร่างกายไปด้วย ทำให้เราต้องใช้สติมากขึ้น ถือว่าเป็นการฝึกทักษะสติและสมาธิได้เป็นอย่างดี

6. มีงานวิจัยบอกมาว่าถ้าเราออกกำลังกายด้วยความสนุก เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที ร่างกายจะช่วยหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข ได้แก่ ซีโรโทนิน ,เอ็นดอร์ฟิน ,โดปามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีผลต่อความสุข

7. ช่วยให้ระบบหมุนเวียนในเลือดทำงานได้ดียิ่งขึ้น

8. ข้อนี้สำคัญเลย เราจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มมามากขึ้น เมื่อเราไปสนามเราจะเจอเพื่อนที่เล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดกันเยอะมากขึ้น พบมิตรภาพที่ดี อีกทั้งจะได้ท่าทางใหม่ ๆในการเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดมาอีกด้วย ทำให้เรารู้สึกไม่เบื่อข้อดีของการเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดนั้นมีมากมาย

รู้แบบนี้แล้วอยากมาออกกำลังกายแบบสุขภาพดีแล้วไม่เบื่อกันบ้างไหม เซิร์ฟสเก็ตบอร์ดนั้นมีราคาตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งมีให้เลือกหลายยี่ห้อ หากเราไม่ซีเรียสกับยี่ห้ออะไรมากนัก ก็หาตัวราคากลางๆ ที่เราสามารถซื้อมาเล่นได้ มาเล่นเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดสนุกไม่เบื่อแน่นอน

 

 

Continue Reading

วิธีปฏิบัติเพื่อท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยห่างไกลจากโควิด 19

วิธีปฏิบัติเพื่อท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยห่างไกลจากโควิด 19

ในสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ระบาดเป็นวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก ในวงการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักไม่ต่างกับธุรกิจการบิน การเดินทาง แต่หลังจากนี้เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยมีการฉีดวัคซีนป้องกัน รวมไปถึงมียอดผู้ติดเชื้อที่ลดลง ผู้คนก็ต่างอยากออกมาใช้ชีวิตอย่างปกติเช่นเดิม แม้ว่าหลายคนอยากจะออกไปท่องเที่ยวดังเช่นเคย อาจจะยังมีความรู้สึกที่วิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด 19 อยู่บ้าง ดังนั้น วิธีปฏิบัติตนเองให้ปลอดภัย เมื่อออกท่องเที่ยวภายนอกก็สามารถทำได้ง่ายๆ เป็นวิธีการเดินทางท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ปลอดภัย ไร้ความเสี่ยงได้ ดังนี้

  1. หมั่นอัพเดทข่าวสารข้อมูลอยู่เสมอ

การหมั่นติดตามข่าวสารของการระบาดของไวรัสโควิด 19 นั้น จะทำให้คุณได้เกาะติดกับสถานการณ์มากขึ้น และสามารถทราบได้ทันที่ว่าพื้นที่ หรือสถานที่ใดบ้างที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม หรือมีความเสี่ยงสูง โดยสามารถติดตามได้จากศูนย์ข้อมูล Covid-19 (ศบค.) ทั้งนี้สามาถโหลดแอพพลิเคชั่นสำหรับติดตามข่าวสารได้เช่นกันที่ แอพพลิเคชั่น Away Covid-19 อีกด้วย

  1. สวมหน้ากากอนามัย

บางพื้นที่ได้ออกกฎหมายเกื่ยวกับการสวมใส่หน้ากากอนามัยในทุกครั้งที่ออกจากสถานที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะแหล่งชุมชน ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ขนส่ง สนามบิน ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา และมีคนพลุกพล่านอยู่ตลอดด้วย ทั้งนี้อย่าลืมพกพาเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัวไว้อยู่เสมอ เพราะเชื้อโรคแม้จะอยู่ในอากาศไม่นาน แต่มักจะติดอยู่กับสิ่งของที่เรามักจะลืมตัวเผลอจับอยู่เป็นประจำ อย่างลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟท์ เป็นต้น และควรล้างมืออยู่บ่อยครั้ง ที่สำคัญหากใช้เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือ ควรทำเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที จึงจะฆ่าเชื้อได้นั่นเอง

  1. เดินทางด้วยพาหนะส่วนตัว

แม้ว่าการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะนั้น จะทั้งประหยัด สะดวก รวดเร็ว แต่ควรใช้เดินทางเมื่อจำเป็นจริงๆ จะดีกว่า เพราะมักจะมีผู้คนมากหน้าหลายตาเปลี่ยนกันใช้งาน ดังนั้น การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจะปลอดภัยมากกว่า ถึงจะมีค่าใช้จ่ายอย่างเรื่องค่าน้ำมัน หรือจำเป็นต้องขับเอง แต่ในเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับไวรัสระบาดปลอดภัยกว่าแน่นอน

  1. Social Distancing

การเว้นระยะห่าง เพื่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยเว้นระยะห่างกับคนอื่นอย่างน้อย 2 เมตร ลดโอกาสในการกระจายของไวรัส รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่ไม่จำเป็นอีกด้วย

  1. เลือกทานอาหารที่ปรุงสุก

การเลือกทานอาหารที่ไม่ใช้มือจับ และเป็นอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น จะช่วยในการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสไปได้อีกระดับหนึ่ง รวมไปถึงการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างวิตามินซีเพื่อจะได้เป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับตนเองได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากนักท่องเที่ยวระวังตนเอง หรือเที่ยวอย่างมีสติ ก็จะปลอดภัยและสามารถท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุข ผ่อนคลาย สบายใจอีกด้วย

Continue Reading

เหน็บชา สัญญาณเตือนบอกโรคที่อาจเกิดขึ้นได้กับร่างกาย

เหน็บชา สัญญาณเตือนบอกโรคที่อาจเกิดขึ้นได้กับร่างกาย

อาการเหน็บชามักเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัยและสามารถเป็นได้ทุกส่วนในร่างกายของคนเรา โดยส่วนใหญ่หลายคนมักจะไม่ใส่ใจกับอาการเหล่านี้เท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าเป็นไม่นานก็หายไป และมักจะคิดว่าอาการเหน็บชานั้นเกิดขึ้นเพราะนั่ง นอน หรือเคลื่อนไหวผิดท่าจนทำให้รู้สึกเสียวแปล็บในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือเป็นเพียงแค่เพราะขาดวิตามิน ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ แต่ความจริงอาการเหน็บชาเป็นสัญญาณเตือนอีกอย่างหนึ่งของร่างกายที่ไม่ควรละเลย หากเป็นอยู่บ่อยครั้ง หรือเป็นที่อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอยู่เป็นประจำ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายของคุณนั้นมีอาการผิดปกติได้ โดยอาการเหน็บชาที่เกิดขึ้นในอวัยวะเหล่านี้ หากเป็นแล้วอย่านิ่งนอนใจโดยเด็ดขาด ดังนี้

อาการเหน็บชาที่ปลายนิ้วมือ

อาการเหน็บชาที่ปลายนิ้วมือ แทบทุกนิ้ว อาจจะเว้นที่นิ้วก้อยที่มีอาการบ้างเล็กน้อย หรือไม่มีอาการเหน็บชาก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะเป็นในเวลากลางคืนหรือตอนตื่นนอน ทั้งนี้สันนิษฐานได้ว่าอาจเกิดขึ้นเนื่องจากเอ็นกดทับเส้นประสาทตรงบริเวณข้อมือ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะการใช้งานข้อมือเป็นเวลานานๆ อย่างเช่น พิมพ์งานบนแป้นคีย์บอร์ดนานๆ ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นเวลานาน คุยโทรศัพท์ หรือแม้แต่การใช้งานข้อมือหนักยกของหนักเกินไปก็ได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่อาการนี้จะยังไม่เป็นอันตรายกับร่างกายมาก ให้พยายามลดการใช้มือข้างที่มีอาการเหน็บชานี้ลง หรือหมั่นเปลี่ยนอิริยาบถให้บ่อยขึ้นก็ได้

อาการเหน็บชาที่หลังมือ ไม่ถึงข้อมือ มักเป็นบ่อยบริเวณนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้

เกิดขึ้นจากเส้นประสาทถูกกดทับที่ต้นแขนเป็นเวลานาน จากท่านั่งที่ผิดปกติ หลีกเลี่ยงการเอาแขนพาดพนักเก้าอี้จะดีที่สุด แต่ถ้าหากมีอาการชาตั้งแต่หลังมือมาจนถึงแขนอาจเกิดการบาดเจ็บที่เส้นประสาทบริเวณรักแร้ได้เช่นกัน

อาการเหน็บชาเป็นแถบตั้งแต่แขนไปจนถึงนิ้วมือ

อย่าเพิ่งคิดว่าเพราะนอนทับแขน หรือนอนผิดท่า เพราะอาการเหน็บชาตั้งแต่แขนไปถึงปลายนิ้วมือนั้น อาจเกิดจากกระดูต้นคอเสื่อม หรือการกดทับของเส้นประสาทผิดรูป ดังนั้น หากมีอาการเหน็บชาบริเวณนี้บ่อยครั้งควรรีบไปพบแพทย์จะดีที่สุด

อาการเหน็บชาที่บริเวณฝ่าเท้า

เกิดขึ้นด้วยเพราะเส้นประสาทกดทับที่ตาตุ่มด้านในหรือตรงอุ้งเท้า ให้ลดการยืนหรือเดินนานๆ ก็ช่วยได้ แต่ต้องไม่มีอาการชาที่ขาร่วม เพราะหากมีอาการเหน็บชาที่ขาด้วย อาจเป็นเพราะเส้นประสาทกดทับบริเวณอื่นร่วมได้เช่นกัน

อาการเหน็บชาตั้งแต่สะโพกไปถึงเท้า

เป็นอาการเหน็บชาที่อันตราย เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของหมอนรองกระดูกกดทับกับเส้นประสาท หากรักษาผิดวิธีหรือปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เป็นอัมพาตได้ ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาอาการเหน็บชายังสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย ทั้งนี้การเลือกทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 หรืออาจเลือกทานวิตามินบีรวมก็ได้ เป็นการทดแทนและช่วยเสริมภูมิให้กับร่างกายได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้หากรู้สึกว่ามีอาการเหน็บชาบ่อยครั้ง และมักเป็นประจำติดต่อกันในบริเวณเดิมเกินกว่า 2 สัปดาห์ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดีกว่า ป้องกันไว้ย่อมดีกว่ามาแก้ไขทีหลังแน่นอน

Continue Reading

ท้องเสียจากการทานอาหารในช่วงหน้าร้อนแก้ไขได้อย่างไร

ท้องเสียจากการทานอาหารในช่วงหน้าร้อนแก้ไขได้อย่างไร

ช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนจัด จนบางครั้งอาจเกิดลมพายุฝนซึ่งทำให้อากาศแปรปรวนได้ง่าย การทานอาหารในช่วงนี้มีหลายคนที่อาจจะเผลอไม่ทันระวังตัว เพราะยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลให้อาหารบางชนิดที่ถ้าหากไม่เก็บรักษาให้ดี ไม่ถูกสุขลักษณะ ก็จะส่งผลให้เน่าเสียได้ง่าย หรือแม้แต่หากเผลอทิ้งไว้เพื่อนิดเดียว อากาศร้อนๆ อาจทำให้มีพาหะนำโรคอย่างแมลงวันตอมอาหาร ถ้าหากทานเข้าไปคงไม่รอดที่จะท้องเสีย ท้องร่วงเป็นแน่ หากเกิดอาการท้องเสียจากอาหารที่ทานไปในช่วงหน้าร้อนนี้ มีวิธีแก้ไขเบื้องต้นแบบง่ายๆ ก่อน ดังนี้

  1. ดื่มน้ำเยอะๆ หรือดื่มเกลือแร่

หากเมื่อเกิดอาการท้องเสียนั่นหมายถึง ร่างกายเสียน้ำอย่างมาก การดื่มน้ำตามหรือดื่มเกลือแร่จะช่วยทดแทนน้ำที่เสียไป อีกทั้งทำให้ร่างกายเกิดอาการช็อกจากการขาดน้ำ ปากแห้ง วิงเวียน ตาพร่าได้ ควรดื่มน้ำเปล่าสะอาด และเป็นน้ำอุณหภูมิห้องปกติ ดีกว่าดื่มน้ำเย็นจัดดีกว่า เพราะอาจจะยิ่งทำให้รู้สึกปวดท้องมากกว่าเดิมได้

  1. เลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนเมื่อเกิดอาการในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรก

หากเกิดอาการท้องเสีย อย่าเพิ่งทานอาหารอื่นเข้าสู่ร่างกายเพิ่ม เพื่อให้ลำไส้ได้ขับของเสียที่ทานเข้าไปออกมาก่อน หากทานอาหารเพิ่มเติมเข้าไปในระหว่างนี้ ต่อให้เป็นอาหารที่ดีก็จะยิ่งส่งผลให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานหนักกว่าเดิมไปมากกว่า

  1. โยเกิร์ตช่วยได้

โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก มีเชื้อแบคทีเรียที่ดีต่อระบบการย่อยอาหารในร่างกาย นอกจากจะช่วยทำให้บรรเทาอาการท้องเสียแล้ว ยังช่วยปรับสมดุลในการทำงานของลำไส้ให้กลับมาเป็นปกติได้อีกด้วย

  1. งดเครื่องดื่มอย่างนม คาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มเหล่านี้มีส่วนทำให้ลำไส้นั้นทำงานหนัก หากเกิดอาการท้องเสียควรงดเครื่องดื่มเหล่านี้ไปก่อนอย่างน้อย 1-2 วัน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงอาหารที่มีกากใยไฟเบอร์สูง เพราะจะยิ่งทำให้ลำไส้ต้องทำงานหนักมากไปกว่าเดิม หรืออาหารพวกพืชตระกูลถั่วที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ควรงดทานไปก่อนในระยะนี้ด้วย

  1. เลือกทานอาหารอ่อนๆ

หากเมื่ออาการดีขึ้น ให้เลือกทานอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่ายอย่างพวกโจ๊ก ข้าวต้ม กล้วย แครกเกอร์ จะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และลำไส้ไม่ทำงานหนักมากเกินไป

ทั้งนี้อย่าเลือกทานยาหยุดถ่าย เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายขับของเสียออกจากร่างกายไม่หมด แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ หากท้องเสียติดต่อกันเกินกว่า 24 ชั่วโมงควรรีบไปหาหมอทันที หรืออาจใช้ยาจำพวกยาคาร์บอน ที่มีลักษณะเป็นผงถ่านสีดำ จะช่วยในการดูดซับพิษของเสียในร่างกายได้เช่นกันด้วย

 

Continue Reading

วิธีดูแลผิวพรรณให้สดชื่น ไม่ขาดน้ำในภาวะอากาศร้อนจัด

วิธีดูแลผิวพรรณให้สดชื่น ไม่ขาดน้ำในภาวะอากาศร้อนจัด

ประเทศไทยนั้น เป็นประเทศที่แทบจะมีอากาศร้อนตลอดแทบทั้งปี เพราะด้วยตั้งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรของโลก ยิ่งเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการด้วยแล้ว มักจะมีอากาศร้อนจัด แดดแรง จนถึงขั้นทำให้ไม่สบายจนล้มหมอนนอนเสื่อไปได้ก็มี หลายคนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสภาพอากาศร้อนจัด แดดแรงได้ เพราะจำเป็นต้องออกไปใช้ชีวิตประจำวัน หรือไปทำงานกลางแดดเป็นเวลานานๆ ก็มักจะส่งผลเสียทำให้ผิวพรรณดูไม่สดชื่น แห้งเหมือนผิวขาดน้ำ หากโดนแดดจัดเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวไหม้ แสบร้อนได้ ดังนั้น วิธีที่จะช่วยดูแลผิวพรรณของร่างกายให้สดชื่น หากจำเป็นต้องเป็นกับภาวะอากาศร้อนจัด แดดแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีดังนี้

  1. ดื่มน้ำเยอะๆ

เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เบสิคที่สุด เพราะยิ่งเจอความร้อนมากเท่าไหร่อุณหภูมิของร่างกายจะยิ่งสูงมากขึ้นเท่าไหร่ และยังทำให้ร่างกายเสียน้ำเป็นจำนวนมาก การดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ นอกจากจะช่วยทดแทนน้ำที่ร่างกายเสียไปแล้ว ยังทำให้อุณหภูมิในร่างกายได้ปรับสภาพลง ทำให้ร่างกายไม่ตกอยู่ในภาวะช็อคจากอากาศร้อนจัด และทำให้ผิวพรรณดีได้อีกด้วย

  1. น้ำมันมะกอกเคลือบผิว

น้ำมันมะกอกนอกจากจะช่วยขจัดสารพิษ และสิ่งตกค้างตามรูขุมขนจากผิวได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวพรรณได้ คล้ายกับเก็บกักความชุ่มชื่นไว้ที่ผิวหนังแม้ในวันที่ต้องเจอกับแดดจัดก็ตาม โดยหมั่นทาที่ผิวทุกคืนก่อนนอน จะเป็นการช่วยทำให้กลับมาดูอิ่มน้ำ สุขภาพดีได้ง่ายๆ ด้วย

  1. ขัดผิวอย่างเป็นประจำ

เหงื่อไคลในช่วงหน้าร้อนมักจะมีอยู่บ่อยๆ ทำให้กลายเป็นคราบขี้ไคลที่มักจะไปอุดตันที่ผิวหนังในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย การขัดผิวด้วยสครับ อยู่สม่ำเสมอจะช่วยทำให้ผิวพรรณสะอาดแล้ว ยังทำให้ผิวสดใส ไม่ว่าจะทาครีมโลชั่นอะไรก็ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ทั้งนี้หากโดนแสงแดดเผาอย่างรุนแรงอาจทำให้ผิวแสบร้อน ให้ลองใช้วิธีภูมิปัญญาชาวบ้านโดยการนำว่านหางจระเข้ปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด มาประคบกับผิวหนังบริเวณที่ถูกแดดเผาก็ช่วยได้ไม่แพ้กัน

  1. ผักผลไม้วิตามินที่ขาดไม่ได้

การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่สำหรับผักผลไม้นั้น ถือเป็นอาหารผิวที่มีวิตามินบำรุงช่วยทำให้ผิวไม่แห้ง ดูสดใสแม้จะต้องเจอกับสภาวะอากาศที่ไม่เป็นใจในแต่ละวันมากนักก็ตาม การทานผักผลไม้อย่างเป็นประจำส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

การดูแลผิวพรรณให้ดีเหมาะสมกับแต่ละฤดูกาลนั้น สามารถทำได้ตลอดทุกวัน เป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างเต็มที่ สุขภาพผิวดี สุขภาพกายดี สุขภาพใจดี เท่านี้ก็มีความสุขได้เต็มที่อยู่แล้ว

 

Continue Reading

อาการตากระตุกเกิดขึ้นจากอะไร แก้ไขได้อย่างไร

อาการตากระตุกเกิดขึ้นจากอะไร แก้ไขได้อย่างไร

 

“ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” ยังเป็นคำที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยอยู่เสมอ ดวงตาจึงถือเป็นอวัยวะสำคัญของมนุษย์ที่ต้องหมั่นดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ จนบางครั้งเราอาจลืมคิดไปว่าการใช้สายตามากเกินไปในแต่ละวันไม่ว่าจะเกิดจากการทำงานหน้าจอนานๆ หรือการใช้สายตาเป็นเวลานานๆ ติดต่อกันอย่างเช่น การขับรถทางไกล เป็นต้น ย่อมจะส่งผลกระทบต่อดวงตา จนเกิดอาการตากระตุกที่มักจะถูกเกี่ยวโยงไปยังเรื่องของโชคลาง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วอาการตากระตุกเป็นเหมือนสัญญาณเตือนอีกอย่างหนึ่งของร่างกายที่เกี่ยวกับสุขภาพของดวงตานั่นเอง

อาการตากระตุกแบบทั่วไปมักจะมีการกระตุกเล็กน้อยไปจนถึงอาการผิดปกติที่กระตุกทั้งวัน จนสร้างความรำคาญใจ และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อีกด้วย โดยอาการตากระตุกนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  1. การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นปัจจัยหลักสำคัญที่มักจะเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สายตาทำงานหนัก อย่างการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือแม้แต่การจ้องจอดูหนังหรือซีรี่ย์ติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ล้วนแต่ส่งผลต่อดวงตาได้ทั้งสิ้น
  1. แสงแดด ลมแรง การมองแดดแรงหรือเจอลมแรงปะทะหน้า และดวงตา จนทำให้ตาแห้งก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการตากระตุกได้เช่นกัน
  1. ความเครียด วิตกกังวล หากเป็นช่วงที่มีความเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ร่างกายมักจะเกิดเอฟเฟคต่างๆ อาการตากระตุกก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของร่างกายที่แสดงออกมาได้เช่นกัน
  1. เกิดจากปัจจัยภายในร่างกาย อาจเกิดจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด รวมไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณดวงตาทำงานผิดปกติ ทั้งนี้อาจเสี่ยงต่อโรคอัมพาตทางใบหน้าได้เช่นกัน

หากรู้สึกว่าเกิดอาการตากระตุกอยู่บ่อยครั้ง สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง โดยวิธีง่ายๆ ดังนี้

นวดดวงตา คลึงเบาๆ เป็นเวลา 30 วินาทีพัก และหมั่นไปเรื่อยๆ ประมาณ 2-3 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณรอบดวงตา และเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบดวงตา

สลับน้ำอุ่นและน้ำเย็นพรมรอบดวงตา เป็นการกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของหลอดเลือดรอบดวงตา โดยใช้สำลีชุบน้ำอุ่นพอหมาดเช็ดวนบริเวณรอบดวงตา และสลับใช้น้ำเย็นชุบสำลีพอหมาดเช็ดวนบริเวณรอบดวงตาซ้ำ ทำสลับกัน 9-10 รอบ จะช่วยหยุดอาการตากระตุกได้

น้ำตาเทียมช่วยได้ เมื่อเกิดอาการตาแห้งมักจะทำให้มีอาการตากระตุก น้ำตาเทียมจะช่วยทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น และทำให้ดวงตาสดใสขึ้นด้วย

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงลดเครื่องดื่มจำพวกคาเฟอีนให้น้อยลง ก็เป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้ดวงตาทำงานน้อยลง มีเวลาได้พักผ่อนมากขึ้น และยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายด้วย

อย่างไรก็ตามอาการตากระตุกนั้น หากเป็นติดต่อกันนานเกินกว่า 1 สัปดาห์ และมีอาการผิดปกติอื่นร่วมเข่น ตาบวม ตาแดง หรือมีขี้ตามากผิดปกติ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจเช็คอย่างละเอียดต่อไป จะดีที่สุด

Continue Reading