การนั่งสมาธิคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

การนั่งสมาธิคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

การทำสมาธิสามารถปฏิบัติได้กับคนทุกวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม วิธีการและเทคนิคที่ใช้ในการทำสมาธิอาจแตกต่างกันไปตามอายุของผู้ปฏิบัติ ตัวอย่างเช่น เด็กอาจได้รับประโยชน์จากแบบฝึกหัดการสร้างภาพข้อมูลที่เรียบง่ายและมีการโต้ตอบ ในขณะที่ผู้ใหญ่อาจพบว่าเทคนิคการทำสมาธิที่ซับซ้อนและครุ่นคิดเหมาะสมกว่า

นอกจากนี้ การทำสมาธิยังแสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตและร่างกายมากมาย เช่น การลดความเครียด เพิ่มสมาธิและสมาธิ และทำให้อารมณ์ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับบุคคลทุกวัยที่ต้องการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เป็นความคิดที่ดีเสมอที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตก่อนที่จะเริ่มการดูแลตนเองในรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการทำสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้วหรือกำลังใช้ยาอยู่

การทำสมาธิเป็นการฝึกจิตที่ใช้กันมานานนับพันปีในหลายวัฒนธรรมและประเพณี เพื่อให้จิตใจสงบและส่งเสริมการผ่อนคลาย โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการมุ่งความสนใจไปที่วัตถุ เสียง ภาพ หรือลมหายใจ และสามารถทำได้ในท่านั่งหรือขณะเดิน

ในแง่ของประโยชน์ การทำสมาธิได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์หลายประการสำหรับสุขภาพกายและสุขภาพจิต ตัวอย่างเช่น มีการแสดงให้:

  • ลดความเครียดและความวิตกกังวล
  • ปรับปรุงอารมณ์
  • เพิ่มความรู้สึกของความสุขและความเป็นอยู่ที่ดี
  • เพิ่มความตระหนักในตนเอง
  • ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ
  • ลดความดันโลหิต
  • เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สนับสนุนประโยชน์ของการทำสมาธิ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าผลลัพธ์ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป และการทำสมาธินั้นไม่สามารถทดแทนการรักษาทางการแพทย์หรือการบำบัดได้ หากคุณสนใจที่จะลองทำสมาธิ มีแหล่งข้อมูลมากมายที่พร้อมให้ใช้งาน รวมถึงแอปแนะนำการทำสมาธิและการฝึกสติ ที่สามารถช่วยคุณเริ่มต้นได้

Continue Reading

ดูแลสุขภาพให้สมวัยได้ด้วยวิธีอาหารบำบัด

ดูแลสุขภาพให้สมวัยได้ด้วยวิธีอาหารบำบัด

   “กินอิ่ม นอนหลับ ขับถ่ายสะดวก หมั่นออกกำลังกาย” เป็นเหมือนการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เราไปแล้วทั่วโลก สุขภาพร่างกายของคนเรานั้น เป็นสิ่งที่ต้องความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ยิ่งในปัจจุบันมีสิ่งที่สามารถทำให้คนเราเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ว่าจะเป็นทั้งไวรัส ทั้งสภาพอากาศ ฝุ่นควันมลภาวะที่มากขึ้นทุกที การเลือกดูแลสุขภาพร่างกายด้วยการเลือกทานอาหารให้เหมาะสมตามวัยก็มีส่วนช่วยทำให้ร่างกายนั้นสามารถปรับสมดุลได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าคนที่ทานอาหารไม่มีประโยชน์หลายเท่านัก แต่การจะเลือกทานอาหารให้เหมาะสมตามแต่ละช่วงวัยนั้น ควรเลือกทานอย่างไรให้เหมาะสม สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ดังนี้

วัยเด็ก

ในช่วงวัยเด็ก ตั้งแต่หย่านมจนถึงก่อนจะก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วและเป็นขั้นเป็นตอน เด็กในวัยนี้ควรได้รับสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ สามารถเน้นในส่วนของโปรตีน ไขมันดี อาหารที่ให้พลังงานสูงสามารถเน้นได้เป็นพิเศษ ทั้งนี้สำหรับเด็กเล็ก (5-12 ปี) อาจยังไม่สามารถทานอาหารได้มากนัก สามารถแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ ได้หลายมื้อ แต่เน้นอาหารที่มีประโยชน์ หรือเพิ่มผลไม้ในการให้วิตามินกับร่างกายของเด็กได้อีกด้วยฃ

วัยทำงาน หรือ วัยผู้ใหญ่

เป็นช่วงวัยที่มักจะไม่ค่อยได้ดูแลในเรื่องของอาหารการกินมากเท่าที่ควร มักจะเริ่มต้นตั้งแต่อายุ 19-50 ปี การดูแลอาหารโดยลดปริมาณของไขมัน และน้ำตาล และควบคุมน้ำงหนักให้สมดุลกับส่วนสูง หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะเป็นตัวช่วยให้วัยนี้แข็งแรงสมวัยได้ไม่ยาก เว้นเสียแต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นจะต้องมีการบำรุงร่างกายเพื่อเจ้าตัวน้อยมากเป็นพิเศษ อาหารประเภทเส้นใยสูงผักผลไม้ในสัดส่วนที่มากกว่าก็จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงสมวัยได้ ทั้งนี้การดื่มแอลกอฮอล์ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มักจะเข้าไปสะสมในร่างกายจนทำให้น้ำหนักขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และยังมีผลในการทำลายตับได้ด้วย

วัยสูงอายุ

วัยที่อวัยวะภายในของร่างกายบางส่วนอาจเสื่อมสมรรถภาพในการทำงานลง อย่างเช่น อาจจะรู้สึกย่อยอาหารได้ยากกว่าเดิม หรือแม้แต่ปวดเนื้อปวดตัวได้ง่าย เพราะระบบเผาผลาญในร่างกายนั้นเริ่มลดลง โดยธรรมชาติเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุมักจะเริ่มอาหารน้อยลง หรืออาจทานไม่มาก แค่เพียงพออิ่ม ควรเน้นอาหารประเภทเพิ่มแคลเซียมสูงเพราะเป็นวัยที่เสี่ยงกับอันตรายอย่างโรคกระดูกพรุน รวมไปถึงเน้นการดื่มน้ำเยอะๆ และทานอาหารที่เน้นกากใยมากเป็นพิเศษจะดีต่อร่างกายของคนในวัยนี้มากกว่า

อย่างไรก็ตามการดูแลสุขภาพร่างกายของคนเราในแต่ละช่วงวัยนั้น ก็ควรทำประกอบควบคู่ไปพร้อมกับการเลือกทานอาหารด้วยเช่นกัน เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย มีภูมิคุ้มกันโรคได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

Continue Reading